วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ

โปสเตอร์ (poster)

http://movie.mthai.com/movie-news/39665.html
        สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทโปสเตอร์ เป็นสื่อทัศนวัสดุที่ประกอบด้วยภาพและข้อความเพื่อเผยแพร่ข้อมูลในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การรณรงค์ การสอนและฝึกอบรม หรือเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกิจบางอย่างในแต่ละวาระ   โปสเตอร์เป็นสื่อที่จัดทำขึ้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดสายตาและความสนใจผู้ดูในการสื่อสารให้เข้าใจเนื้อหาได้ในเวลาอันรวดเร็วโปสเตอร์จึงเป็นสื่อสำคัญที่สามารถโน้มน้าวผู้ดูหรือผู้อ่านให้เปลี่ยนแนวความคิดที่มีอยู่เดิมได้ หรือเป็นจุดสนใจแต่ละเรื่องเพื่อการประชาสัมพันธ์เรื่องที่ต้องการเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบเข้าใจในเรื่องนั้นๆ
        องค์ประกอบของโปสเตอร์โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือเป็นประเภทใดก็ตาม จะมีองค์ประกอบดังนี้ ได้แก่ รูปภาพของสินค้าหรือบริการ หรือเรื่องราวที่ต้องการจะสื่อสาร มีถ้อยคำที่เป็นตัวอักษรประกอบ ซึ่งต้องเป็นข้อความที่ไม่ยาวนัก ชื่อของผู้เป็นสปอนเซอร์ หรือผู้ที่ผลิตโปสเตอร์นั้น สำหรับโปสเตอร์โฆษณาสินค้า ในบางครั้งก็อาจเพิ่มเติม เครื่องหมายการค้า  หรือคำขวัญเข้าไปด้วยๅ
          แต่ในครั้งนี้ผมจะขอยกตัวอย่างโปสเตอร์ที่ผมรู้สึกประทับใจและชื่นชอบเป็นพิเศษ คือโปสเตอร์ภาพยนตร์ เรื่อง ความสุขของกะทิ โปสเตอร์เรื่องนี้เคยได้รับรางวัล โปสเตอร์ยอดเยี่ยมในงาน ไทยมูฟวี่ โปสเตอร์ อะวอร์ดส์ 2009” ด้วย ซึ่งโปสเตอร์หนังเรื่องนี้มีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่โปสเตอร์ชิ้นที่ผมรู้สึกว่าประทับใจชื่นชอบมากที่สุดคือโปสเตอร์ชิ้นที่เป็นรูปภาพหน้าของกะทิตัวละครเอกในเรื่องพร้อมกับปิ่นโตที่วางอยู่ตรงหน้า แค่องค์ประกอบไม่กี่อย่างบนโปสเตอร์แต่ทำไมโปสเตอร์ชิ้นนี้ถึงได้ประทับใจใครหลายๆ คน รวมทั้งตัวผมเอง.........................?
  
( โปสเตอร์ที่ผมชื่นชอบและชื่นชม )
http://movie.mthai.com/movie-news/39665.html
        ลักษณะของโปสเตอร์นี้ ค่อนข้างดูเรียบง่ายไม่หวือหวาในเรื่องเทคนิคหรือสีสันมากนัก แต่จะเน้นการสื่ออารมณ์และความรู้สึกของภาพมากกว่า  ดูแล้วเข้าใจง่าย     วิธีหรือหลักในการออกแบบโปสเตอร์ให้มีความเข้าใจง่ายและเกิดความน่าสนใจนั้นขึ้นอยู่กับ
       องค์ประกอบส่วนที่เป็นภาพ  ภาพที่ใช้บนโปสเตอร์นั้นควรเป็นภาพที่เมื่อมองเห็นแล้วก็ สามารถเข้าใจได้ทันที และควรนำเสนอภาพที่เป็นหัวใจหลักของเรื่องที่ต้องการสื่อให้มีความเด่นชัด ไม่ควรเป็นภาพที่แสดงระดับงานศิลป์ที่สูงส่งและมากจนเกินไป  ซึ่งลักษณะของโปสเตอร์ที่ผมได้ยกมานี้ เทคนิคของภาพและองค์ประกอบของภาพโดยรวมค่อนข้างดูเรียบง่ายไม่ต้องใช้เทคนิคหรือสีสันอะไรให้มากมาย แต่จะเน้นให้เห็นถึงอารมณ์แห่งความสุขและความไร้เดียงสาของตัวละครที่ชื่อกะทิ ซึ่งได้สื่ออารมณ์ผ่านทางสายตาและรอยยิ้มบนใบหน้า ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกร่วมไปกับภาพ

       ในส่วนที่เป็นตัวอักษร ควรคำนึงถึงเรื่องหลักของการอ่านได้ง่ายเป็นสำคัญ เช่น การใช้สีตัดกันของตัวอักษรกับพื้นภาพ ตามหลักควรให้ตัวอักษรเป็นสีเข้มส่วนพื้นที่เป็นสีอ่อน ดีกว่าจะใช้ตัวอักษรสีอ่อนบนพื้นสีเข้ม ส่วนตัวอักษรที่ใช้บนโปสเตอร์นั้นก็ควรเป็นตัวอักษรที่ไม่อ่านยากจนเกินไป ซึ่งโปสเตอร์หนังเรื่องความสุขของกะทิที่ผมได้ยกมา ตัวอักษรบนโปสเตอร์ที่ใช้ในส่วนหัวของโปสเตอร์นั้นจากข้อความที่ว่า วันไหนๆ หัวใจก็มีความสุข จะค่อนข้างใช้สีที่กลืนกับพื้นหลังไปซะหน่อยไม่ค่อยโดดเด่น แต่ใช้ตัวอักษรที่อ่านง่าย ข้อความนี้เป็นเหมือนคำขวัญหรือสโลแกนของภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นโปสเตอร์นี้ทราบถึงConceptของหนัง  ลักษณะของข้อความนี้จะมีความสั้นกระทัดรัดเข้าใจง่าย ถูกต้องตามหลักขององค์ประกอบที่โปสเตอร์ทั่วไปจะต้องมี   ในส่วนชื่อเรื่องนั้นได้ใช้ตัวอักษรที่ค่อนข้างใหญ่มีลูกเล่นไม่เป็นทางการเกินไปเพื่อให้เข้ากับแนวหรือลักษณะของหนังและได้ใช้สีที่ตัดกับพื้นหลังโดยใช้เป็นสีน้ำตาลเพื่อไม่ให้ตัวอักษรจมหรือกลืนกับภาพพื้นหลังมากจนเกินไป

       สี  เป็นองค์ประกอบของการออกแบบที่มีความสำคัญมาก เพราะสีจะมีผลในด้านอารมณ์ และความรู้สึก สียังทำให้เกิดภาพ ดึงดูดความสนใจ และบอกความรู้สึกของสิ่งต่างๆ ก่อนจะเลือกใช้สี ต้องพิจารณาก่อนว่า ต้องการใช้สีทำให้เกิดผลในลักษณะใด และสีใดที่เหมาะกับวัตถุประสงค์นั้นๆ ซึ่งโปสเตอร์ความสุขของกะทิที่ผมยกมานี้จะใช้สีในโทนสบายตา ไม่ฉูดฉาดมากนักทั้งสีตัวอักษรและสีของภาพ เพราะเนื้อเรื่องของหนังเป็นหนังที่ดูสบายๆ เป็นหนังสำหรับครอบครัว จึงไม่สมควรใช้สีที่ฉูดฉาดหรือแรงจนเกินไป

       โปสเตอร์ที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ถึงแม้จะไม่ใช่โปสเตอร์ที่ดีหรือสมบูรณ์แบบมากนัก แต่ถือว่าเป็นโปสเตอร์ที่ดูโดยรวมทั้งหมดแล้วมีความเป็นเอกภาพทุกส่วนประกอบ ทั้งตัวหนังสือ สีและภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีจุดเด่นที่จะดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็นได้ คือรูปภาพบนโปสเตอร์ ถึงจะเป็นโปสเตอร์ที่ดูเผินๆ แล้วดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกและอารมณ์ของตัวละครที่ถ่ายทอดมายังผู้ที่พบเห็น ซึ่งผมเชื่อว่าโปสเตอร์ชิ้นนี้เป็นอีกสื่อสิ่งพิมพ์ที่ทำให้ใครหลายๆ คน รวมทั้งผมเมื่อเห็นแล้วต้องเกิดความสุขและอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
         สรุปแล้วโปสเตอร์เป็นช่องทางการสื่อสารประเภทสิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างไปจากสื่อสิ่งพิมพ์อื่น คือ โปสเตอร์ติดอยู่กับที่ ที่ติดตั้งต้องรอคอยให้ผู้ดูเป็นฝ่ายเดินทางไปถึงจุดที่ตั้งแสดงอยู่ ในขณะที่สื่ออื่นๆ เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ จะเสนอเนื้อหาข่าวสารไปถึงผู้อ่าน  ผู้ชม ในที่อยู่อาศัยโดยตรง ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับการออกแบบโปสเตอร์ที่จะต้องคำนึงเป็นพิเศษ คือ สร้างและยึดความสนใจของผู้ที่มองเห็นโปสเตอร์และเกิดความประทับใจเมื่อได้เห็น หัวใจสำคัญของวิธีการที่จะจับความสนใจผู้ดูโปสเตอร์ นั้นก็คือ ความง่าย และความตรงไปตรงมา  ในการสื่อสาร ความง่ายในที่นี้หมายถึง ความง่ายที่เข้าใจในองค์ประกอบของโปสเตอร์โดยเฉพาะองค์ประกอบสำคัญก็คือส่วนที่เป็นภาพ และส่วนที่เป็นถ้อยคำตัวอักษร ที่ประกอบกันแล้วจะต้องสอดคล้องกันเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจและประทับใจ

>>>>นอกเหนือจากโปสเตอร์ที่ผมชื่นชอบในเรื่องหลักการออกแบบแล้วภาพยนตร์เรื่อง "ความสุขของกะทิ" ยังมีโปสเตอร์ในรูปแบบอื่นที่มีความน่าสนใจรวมทั้งมีการออกแบบที่สวยงามไม่แพ้กัน
แบบที่ 1
http://movie.mthai.com/movie-news/39665.html
แบบที่ 2
http://movie.mthai.com/movie-news/39665.html
แบบที่ 3
http://movie.mthai.com/movie-news/39665.html

แหล่งอ้างอิง
http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976245


26 / 01 /  2555

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

อิทธิพลและบทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์


หนังสือพิมพ์บันเทิงให้แค่ความบันเทิงสำหรับผู้อ่านจริงเหรอ ?

http://www.surinnews.com/topic_n.php?id=5961

        หนังสือพิมพ์ เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ในระดับแรกๆ ที่มีอิทธิพลต่อคนในสังคมไทย เนื่องจากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน และยังมีความใกล้ชิดเข้าถึงประชาชนได้ง่าย ทั้งข่าวสารในเรื่อง ภัยรายวัน การบ้านการเมือง กีฬา การศึกษา บันเทิง ฯลฯ โดยเฉพาะข่าวบันเทิงผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนให้ความสนใจในคอลัมภ์ข่าวบันเทิงก่อนข่าวอื่นๆ รองจากข่าวหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ในปัจจุบันจึงได้มีการทำออกมาในหลายๆ รูปแบบเพื่อตอบสนองความสนใจของผู้อ่านในแต่ละด้าน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ประเภทบันเทิง ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่น หนังสือพิมพ์สยามดารา ดาราเดลี่ สยามบันเทิง มายาแชนแนล เราปฎิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าข่าวบันเทิงอยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนานและเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจในระดับต้นๆ โดยเฉพาะ ข่าวรัก การหย่าร้างของดารา  ภาพหลุด หรือข่าวกอสซิปต่างๆ เป็นต้น
          ข่าวบันเทิงที่นำเสนอตามหน้าหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน ผู้อ่านแน่ใจหรือยังว่าข่าวนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ การนำเสนอข่าวทุกวันนี้ผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณอย่างยิ่งในการเสพข่าวสารต่างๆ เพราะมีทั้งข่าวที่เป็นจริง มีความเป็นกลางในการนำเสนอ น่าเชื่อถือ และข่าวที่มีการใส่สีตีไข่จนเกินความจริงเพื่อสร้างกระแสให้เป็นที่สนใจของสังคม หนังสือพิมพ์บันเทิงถือว่าเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่สะท้อนถึงความคิดความเป็นไปของคนในสังคมว่า ณ ปัจจุบันคนในสังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับข่าวประเภทไหนมากที่สุด ซึ่งมันก็สะท้อนออกมาให้เห็นแล้วว่า คนในสังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจเกี่ยวกับข่าวบันเทิงและต้องเป็นข่าวในด้านลบของดาราคนดังที่มีชื่อเสียงมากกว่าข่าวในด้านดีๆ จะเห็นได้จากหนังสือพิมพ์บันเทิงบางฉบับส่วนมาก ได้มีการนำเสนอข่าวฉาวของดาราและพาดหัวข่าวตัวใหญ่ๆ อยู่หน้าแรกๆ ของหนังสือพิมพ์ เนื่องจากคนในสังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับข่าวประเภทนี้อย่างมาก และเป็นข่าวที่ขายได้ในทุกยุคทุกสมัย เช่น ข่าวรักๆใคร่ๆของดาราดาราคนนั้นเป็นกิ๊กกับคนนี้ ดาราคนนี้แย่งแฟนดาราคนโน่น ฯลฯ ซึ่งการนำเสนอข่าวประเภทนี้ทำให้เกิดความน่าสนใจและอยากติดตามข่าวต่อไปสำหรับผู้อ่าน แต่ในทางกลับกันมันย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ที่ตกเป็นข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเราเห็นได้จากข่าวว่ามักมีดาราฟ้องสื่อฉบับโน่นทีฉบับนี้ทีข้อหาที่ทำให้ตนเองเกิดความเสียหายส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
   http://gossipstar.mthai.com/gossip-content/2682

ครูสลา คุณวุฒิ ฟ้องหนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับหนึ่ง (ดาราเดลี่)  ที่ทำให้ตนเสี่อมเสียชื่อเสียง ข้อหาว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ที่เป็นนักร้องสาวชื่อดัง ต่าย อรทัย
http://www.bkkonline.com/pr/popup.aspx?cid=5&contentid=3232


'กบ สุวนันท์' ควง 'บรู๊ค ดนุพร' ไกล่เกลี่ยคดี 'ดาราเดลี่' หมิ่นฯ เป็นพิธีกรเก๊ ยันคำเดิมไม่ขอเรียกเป็นเงินค่าแต่ขอแค่กู้ชื่อเสียงกลับคืนมาพร้อมยื่นข้อเสนอขอแก้ข่าวในหนังสือพิมพ์รายวัน 5 ฉบับ

            ผู้ที่นำเสนอข่าวย่อมที่จะคิดในแง่มุมของสื่อมวลชนว่า ดารากับสื่อเป็นของคู่กัน รวมทั้งดารายังเป็นคนของสาธารณชนจำเป็นต้องนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ให้ประชาชนได้รับรู้ แต่ลองคิดกลับกันในแง่ของจริยธรรมและความถูกต้องกับการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์บางฉบับ ในบางครั้งการตีพิมพ์ข่าวมันมีความเหมาะสมหรือไม่ และเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นจนเกินไปหรือเปล่า อย่างเช่น การที่มีปาปารัสซี่ ไปแอบถ่ายกิจวัตรประจำวันของดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงว่า วันนี้ไปทำอะไรที่ไหนกับใคร แล้วนำมาเผยแพร่ตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิง ซึ่งผู้นำเสนอข่าวต้องลองคิดถึงใจเขาใจเรา และไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนด้วยว่า ข่าวที่จะนำเสนอผ่านหนังสือพิมพ์สู่สาธารณชนนั้นจะส่งผลเสียและกระทบต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งมากน้อยเพียงใด การนำเสนอข่าวมันไม่ใช่เรื่องผิดและเป็นหน้าที่ที่สื่อต้องปฎิบัติอยู่แล้ว แต่ข่าวที่จะนำเสนอมานั้นมันมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือเพียงแค่ต้องการเขียนข่าวเพื่อให้เกิดเป็นกระแสและเป็นที่สนใจของสังคมเท่านั้น มันอาจจะไม่ผิดในแง่ของหน้าที่การงานแต่มันผิดในด้านศิลธรรมและจริยธรรมอันดีของสังคม


           นอกจากนี้การใช้ภาษาในการพาดหัวข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงบางครั้งก็ใช้ภาษาที่ไม่มีความเหมาะสม หลักสำคัญในการพาดหัวข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์คือ ต้องสั้น กระทัดรัด และดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็นทำให้อยากดูอยากเปิดอ่าน แต่ลืมนึกถึงว่าภาษาที่ใช้มันเป็นภาษาวิบัติส่อไปในทางลามก อนาจาร หรือใช้ภาษาที่ทำให้ดาราหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเกิดความเสียหาย ซึ่งผู้นำเสนอข่าวอย่าลืมว่าหนังสือพิมพ์เป็นสื่อที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ได้มีข้อจำกัดตายตัวว่าวัยนี้ห้ามซื้อวัยนี้ห้ามอ่าน บางครั้งเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้อ่านข้อความที่สื่อนำเสนอตามหน้าหนังสือพิมพ์ไปนั้น อาจจะมีการจำและนำไปใช้ในทางไม่ถูกไม่ควรในสังคม

             
           แต่หนังสือพิมพ์บันเทิงก็ไม่ได้มีข้อเสียต่อผู้อ่านและสังคมเสมอไป ยังมีข้อดีที่ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารความเป็นไปของคนดังหรือดาราในแวดวงบันเทิงที่เราชื่นชอบชื่นชม และเข้าถึงประชาชนได้ง่าย ซึ่งถ้าเราไม่มีสื่อเหล่านี้ก็เป็นการยากที่เราจะทราบและรู้ถึงความเคลื่อนไหวของบุคคลที่ตนเองชื่นชอบ

        อย่างไรก็ตามผมอยากให้หนังสือพิมพ์หรือสื่อเหล่านี้ลองหันมาถามตัวเองว่า ที่จริงแล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนังสือพิมพ์บันเทิงนั้นต้องการนำเสนอสิ่งใดกันแน่ เพียงเพื่อนำเสนอข่าวสารให้ความบันเทิง เพลิดเพลิน และจรรโลงใจสำหรับผู้อ่าน หรือเป็นเพียงเครื่องมือในการทำมาหากินบนความเดือนร้อนของผู้อื่น
 >>>โดยการวิเคราะห์และวิจารณ์สื่อหนังสือพิมพ์บันเทิงในครั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าสื่อหนังสือพิมพ์บันเทิงไม่ดี แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานนะผู้อ่านคนหนึ่ง เพื่อให้หนังสือพิมพ์หรือสื่อเหล่านี้ได้ลองกลับมาทบทวนบทบาทของตนเอง โดยให้ความสำคัญกับการนำเสนอข่าว ให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีให้กับประชาชนทั่วไป และสังคมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่เป็นข้อเสีย และกลับมาพัฒนาข้อดีของหนังสือพิมพ์บันเทิงให้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งๆขึ้นไป ส่วนผู้บริโภคข่าวเองก็ควรไตร่ตรองและพิจารณาด้วยว่าข่าวไหนจริงข่าวไหนเท็จเพื่อไม่ให้ถูกครอบงำและตกเป็นเหยื่อของสื่อแหล่านี้

4 / 01 /  2555